เมื่อเปิดประตูก้าวเข้ามา สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือบรรยากาศสบายๆ ผ่อนคลาย เหมือนเข้าไปในร้านกาแฟหรือ co-working space เก๋ๆ ทำให้ลืมไปเลยว่า เรากำลังเดินเข้ามาในคลินิกเฉพาะทางสำหรับตรวจคัดกรองและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และ HIV เพราะภาพจำคลินิกของใครหลายๆ คน คงนึกถึงห้องสีขาวโพลน แสงไฟสีขาวสว่างจ้า บรรยากาศขึงขัง พร้อมกลิ่นยาอบอวล แต่ไม่ใช่กับ glove clinic แห่งนี้
แม้ glove clinic จะเพิ่งก่อตั้งมาได้ไม่นานนัก แต่บุคลากรที่ทำงานในคลินิกแห่งนี้ไม่ใช่มือใหม่เลย กลับเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์การทำงานด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาอย่างยาวนานมากกว่า 20 ปี ที่นอกจากจะเชี่ยวชาญด้านการวินิจฉัยและรักษาโรคแล้ว ยังมีความเข้าอกเข้าใจความรู้สึกและความต้องการของผู้มารับบริการได้เป็นอย่างดี
“จริงๆ คลินิกนี้เริ่มต้นจากหลายคน ซึ่งเป็นการวางแผนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เราอยากทำแบบนี้ แต่เราก็ยังไม่พร้อมเสียที จนปีที่ผ่านมาทุกคนพร้อม มาคุยกันว่าจุดประสงค์การตั้ง glove นั้นเพื่ออะไร ทุกคนมีเป้าหมายเหมือนกันคือ เราอยากให้คนไข้ของเราเข้าถึงระบบการรักษาในราคาที่ไม่แพงมาก ก็เลยทำตรงนี้กันขึ้นมา ถ้าเป็นเอกชนบางที่ราคาค่อนข้างสูง บางคนอาจจะไม่ไหว ถ้าหากมีที่สักแห่งหนึ่งที่ราคาไม่สูงมากนัก และคนไทยสามารถที่จะดูแลตัวเองและหาซื้อยาและเข้าถึงบริการได้ตลอด นั่นคือสิ่งที่สำคัญ” ทีม glove clinic เล่าถึงที่มาและจุดประสงค์ของการเริ่มต้นเปิดคลินิกแห่งนี้
อบอุ่น สบายใจ เหมือนอยู่บ้าน
การเข้าอกเข้าใจผู้รับบริการ ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดสวยหรู แต่ glove ใส่ใจตั้งแต่การตั้งชื่อ การเลือกสี การออกแบบภายใน และสำคัญที่สุดคือการมีทัศนคติที่ดีของเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่จะไม่ตัดสินหรือตีตรา
“เราอยากให้คนที่มารู้สึกสบายเหมือนมาบ้าน มีความเป็นไลฟ์สไตล์เหมือนมาหาเพื่อน มาเม้าท์มอย มาแชร์เรื่องดีๆ สตอรี่ด้วยกัน เราจะพยายามออกแบบไม่ให้เหมือนโรงพยาบาล แต่เหมือนมาร้านกาแฟ ให้รู้สึกรีแลกซ์ ไม่กังวล และไม่อึดอัด ที่นี่เราให้บริการกับทุกเพศทุกวัย เราไม่ได้เป็นคลินิกรักษาเฉพาะกลุ่ม แต่เปิดให้ทุกคนได้เข้ามาใช้บริการ ที่นี่เรามีนักให้คำปรึกษาและหมอที่เป็นมืออาชีพ พร้อมให้ข้อมูลในทุกๆ ด้านแก่ทุกคนที่มารับบริการ”
เพราะทุกคนเท่าเทียมกัน
คำว่า glove นั้น หากแปลตรงตัว ก็จะแปลว่า ถุงมือ ที่สื่อถึงการปกป้อง แต่จริงๆ แล้วยังมีความหมายอีกมากซ่อนอยู่ในชื่อ glove ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า
“เราพยายามเลือกคำที่ทุกคนสามารถสื่อสารได้ เราคิดกันว่ายังไงก็ต้องมีคำว่า love อยู่ในนั้น ในส่วนของตัว g ก็มีหลากหลายความหมายอยู่เหมือนกัน เช่น ผู้ชาย-guy ผู้หญิง-girl รวมไปถึงกลุ่มที่เป็นเกย์- gay ด้วย ก็เลยเลือกคำนี้ขึ้นมา และอยากให้เป็นคำสั้นๆ ให้คนจำง่าย เลยมาจบที่คำว่า glove แต่แรกๆ เลยจะให้เป็นคำว่า G Love แต่กลัวว่าหลายๆ คนจะคิดว่าเป็นเกย์อย่างเดียว เราเลยให้เป็น glove ไปเลยดีกว่า และไม่ใช้ตัว g ใหญ่ เพราะเดี๋ยวมันจะกลายเป็นคำเฉพาะเจาะจงเกินไป จึงใช้เป็นตัวเล็ก ซึ่งพอเป็นตัวเล็กมันก็ยังสื่อว่า ทุกคน ทุกกลุ่มเท่าเทียมกัน ส่วนที่มาของโลโก้ที่เป็นรูปหัวใจคือ ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นบริบททุกเพศทุกวัย ทุกๆ แอ็คชั่นที่จะเกิดขึ้นมันมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนมือคือการให้ความช่วยเหลือซัพพอร์ตกัน รวมถึงการเลือกสีม่วงอ่อนที่ไม่เจาะจงไปเพศใดเพศหนึ่งมากจนเกินไปด้วย
“โดยทั่วไปแล้ว การทำงานกับกลุ่มความหลากหลายทางเพศ จะค่อนข้างใช้สีสัน ถ้าเราไปเล่นสีเหมือนเขา มันก็ไม่แตกต่าง โทนสีม่วงมันเป็นสีที่ซอฟต์มาก ก็เลยเลือกเป็นสีม่วงกลางๆ ไม่เข้มไม่จาง เลือกทุกคนเท่ากันหมด เพราะฉะนั้นเมื่อทุกคนเข้ามา จะเป็นชาย เกย์ เลสเบี้ยน หรือเพศใดก็ตาม คุณก็เป็นสีเดียวกัน เพื่อลดการตีตราที่ประเทศเราอยากทำ ลดเรื่องของทัศนคติที่มันยากมากๆ เราก็เลยคิดว่า glove น่าจะเป็นจุดศูนย์กลาง ในการที่จะเป็นเจเนอเรชั่นใหม่ ที่ทำให้กลุ่มความหลากหลายทางเพศเข้ามาแล้วไม่ทำให้ตัวเองรู้สึกถูกตีตรา เราเลยเลือกไม่ใช้ธงสีรุ้ง เพราะเมื่อไรที่มีธงสีรุ้ง มันจะกลายเป็นคลินิกเฉพาะกลุ่มไป เราเลยอยากสื่อว่าคลินิกของเรานั้นสำหรับทุกกลุ่มจริงๆ”
ความเป็นส่วนตัว และการรักษาความลับ
การเข้ารับบริการในคลินิกเฉพาะทางอาจยังไม่ใช่เรื่องที่ใครจะอยากเปิดเผยนัก ซึ่ง glove clinic เข้าใจในมุมนี้อย่างมาก จึงออกแบบสถานที่ที่ให้ความสำคัญตั้งแต่ประตูทางเข้า ที่นี่เลือกเป็นประตูทึบเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว อีกทั้งมีมุมต่างๆ ให้เลือกนั่งได้อย่างสบายใจ นอกจากนี้ยังออกแบบให้ทุกอย่างอยู่ตรงกลาง และมีทางเดินข้างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเดินวนได้รอบ เพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งผลแล็บ การนำชุดตรวจเข้าห้องตรวจ โดยคนภายนอกไม่สามารถรู้ได้ว่าชุดตรวจนี้หรือผลตรวจนี้เป็นของคนไข้ห้องใด เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของแต่ละบุคคลให้มากที่สุด รวมไปถึงขั้นตอนการรับบริการที่เน้นความเป็นส่วนตัวและมีการรักษาความลับของคนไข้เป็นอย่างดี ไม่มีการซักประวัติบริเวณด้านนอก เพราะทุกอย่างทำได้ครบในห้องตรวจทั้งหมด แม้แต่ถุงใส่ยายังเลือกเป็นเพียงถุงธรรมดาที่ไม่มีการสกรีนชื่อใดๆ ทั้งสิ้น
“พอเดินเข้ามาปุ๊บก็จะให้ลงทะเบียนที่เคาน์เตอร์ พอได้คิวก็ส่งเข้าห้องตรวจ ห้องให้คำปรึกษา ปรึกษาเสร็จก็เจาะเลือด เราก็จะเจาะในห้อง ไม่ต้องเดินออกมา ทุกอย่างมันจบอยู่ในห้องเลย ทั้งสอบถามปัญหา การกินยา คำแนะนำต่างๆ คนหนึ่งใช้เวลาไม่นาน ครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น คนที่มารับยา PEP เจาะเลือดสำหรับตรวจ HIV รอฟังผล 15 นาที ส่วนการตรวจอื่นๆ รู้ผลภายใน 1 วัน สามารถกลับบ้านได้เลย โดยเราจะส่งผลให้ทางอีเมลหรือทางไลน์ ที่นี่เราจะแอดไลน์กันได้ คนไข้มีอะไรสงสัยก็สอบถามได้เลย หรือดูผลแล้ว อ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็สามารถโทรคุยกับหมอได้เลย ที่นี่คนไข้สามารถเลือกที่จะไม่ระบุชื่อของตัวเองได้ หรือจะใช้ชื่ออื่นก็ได้ แต่จะขอเบอร์โทรและอีเมลในกรณีที่ต้องการติดต่อครั้งหน้า เราจะไม่มีบัตรคลินิกให้ เพื่อไม่ต้องการมีอะไรบ่งบอก ทุกอย่างจะเป็นความลับ รู้กันระหว่างคนไข้กับหมอเท่านั้น ยกเว้นถ้าต้องตรวจเลือด เราก็จำเป็นต้องขอชื่อจริงเพราะเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ เราจะขอข้อมูลคนไข้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
“หรือหากใครต้องการตรวจแบบวีไอพี ไม่ต้องผ่านจุดไหนเลย สามารถมาลงทะเบียนที่ห้องได้เลย เดี๋ยวเราจัดการให้ รูดบัตรจ่ายตังค์ในห้องได้หมดเลย รวมถึงการจ่ายยาด้วย คือที่นี่ก็จะมีโฟลว์ที่เป็นแบบสแตนดาร์ด แต่เคสที่เป็นวิไอพี เราก็จะรู้กัน ทางหมอหรือทีมก็จะส่งสัญญาณให้กับทางฟร้อนต์ ซึ่งฟร้อนต์ก็จะรู้ว่าเคสไหนเป็นเคสวีไอพี ขั้นตอนทุกอย่างก็จะจบในห้องเลย ไม่ต้องเจอใคร อยากได้แบบไหนเราจัดให้ได้”
Sexual Health เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา
เรามักให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพทุกปี แล้ว sexual health ล่ะ นี่คือคำถามที่ทีม glove clinic ได้สะกิดเรา เพราะต้องยอมรับกันได้แล้วว่าสุขภาพทางเพศคือส่วนหนึ่งในชีวิตของมนุษย์ และเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพเช่นกัน แต่ในหลายๆ ภาคส่วนยังมองเรื่องนี้แบบตีตรา รวมไปถึงผู้ได้รับเชื้อเองด้วย
“ถ้าเป็นอะไรไม่ต้องกลัว ลองเดินเข้ามาคุยปรึกษาได้ อยากรักษา อยากหาย แต่ไม่อยากไปหาหมอ ไม่ได้นะ ต้องกล้าที่จะออกมาเริ่มรักษา แล้วมันจะดีขึ้น ถ้านอนอยู่แต่ในห้อง คิดว่าไม่เป็นไรหรอก สุดท้ายก็จะเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ อย่าอาย เพราะทีมของเราที่นี่เป็นมืออาชีพ มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เก็บความลับได้ดีอยู่แล้ว อย่างในเพจ มีคนมาถามเป็นเดือนๆ กว่าจะตัดสินใจ ไม่ไหวจริงๆ จึงเข้ามาตรวจ เพราะเขายังมองว่า เขาจะถูกตีตรา ถูกตำหนิ เวลาจะรับบริการด้านสุขภาพ จะไปคุยกับเขายังไง ตรงประชาสัมพันธ์เขาจะไม่ว่าเราเหรอ แต่ที่นี่คุณสามารถนัดกับเราได้ ไม่ต้องคุยเยอะ ลงทะเบียนเสร็จก็ตรวจได้เลย ไม่ต้องมาถามอาการตรงเคาน์เตอร์
“อยากให้มองว่าเวลาที่ไม่สบาย เราอยากให้คุณมาหาหมอโดยที่ไม่มีเส้นบางๆ กั้นอยู่ การมาหาหมอทั่วไปกับการมาหาหมอโรคเฉพาะทาง มันก็คือการไปตรวจเพื่อรักษาสุขภาพเหมือนกัน การมีเส้นบางๆ บังอยู่ทำให้เราไม่กล้า เลยปล่อยให้มันเกิดอะไรไม่รู้ขึ้นมามากมาย ซึ่งเราไม่อยากให้เกิด คุณรู้เร็ว ตรวจเร็ว รักษาเร็ว มีชัยไปเกินครึ่งแล้ว อยากให้คนตระหนักเรื่องนี้มากกว่า
“ขอยกตัวอย่างเคสหนึ่ง เป็นคนไข้ HIV นี่แหละ เขาก็ทานยาต้านสม่ำเสมอจนไวรัส undetected แล้ว เขาก็เลยอยากตรวจซิฟิลิส ซึ่งหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งบอกว่า คุณเป็นแบบนี้ คุณไม่ควรจะมีเพศสัมพันธ์ ไม่ต้องตรวจหรอก เราก็บอกว่า เอ๊ะ เป็น HIV นะ ไม่ได้เป็นโรคพฤติกรรมตายด้าน จะไม่ให้มีเพศสัมพันธ์กับใครเลยคงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเขาทานยาแล้ว สุขภาพเขาแข็งแรงแล้ว ซึ่งความต้องการทางเพศเป็นเรื่องปกติ เขาอาจมีการผิดพลาด และเขาก็อยากตรวจเพื่อสุขภาพของเขา แต่หมอดันบอกแบบนี้ ซึ่งหมอตีตราแล้วว่าเป็น HIV ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้เขามีสิทธิ์ที่จะตรวจสุขภาพ แต่หมอไม่ให้ตรวจ เผื่อเขาเป็นอะไรขึ้นมาแล้วไปติดขึ้นมาจริงๆ มันอาจไปแพร่เชื้อต่อได้ แต่ถ้าเขาได้ตรวจก็จะได้รักษาและลดการแพร่ระบาดของเชื้อลง มันจึงต้องมีการเปลี่ยนความคิดกันทุกระดับเลย
“คนไข้บางคนเขาไม่กล้าพูด คือมันไม่ใช่แค่เรื่องทางเพศ แต่มันเป็นเรื่องของสุขภาพ เพราะฉะนั้นกระบวนการการให้คำปรึกษามันจึงต้องเกิดขึ้น บางคนไม่กล้าพูดเพราะกลัวหมอด่า ต้องยอมรับว่ามันมีแบบนี้จริงๆ เคสนี้ยอมเสียเงินมาตรวจซิฟิลิสที่นี่ รักษาที่นี่เพื่อให้ผลเลือดนิ่งก่อน ค่อยไปตรวจที่โรงพยาบาล ไม่งั้นถ้าไปตรวจแล้วเจอซิฟิลิส หมอด่าแน่ๆ”
glove ไม่ใช่แค่คลินิก แต่ที่นี่คือชุมชนที่อบอุ่น
การรักษาแบบองค์รวม คือสุขภาพกาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ คือหัวใจสำคัญของคลินิกแห่งนี้ ที่นี่ไม่เพียงแต่รักษาทางกายเท่านั้น แต่ยังให้คำปรึกษาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิต การทำงาน ครอบครัว ความสวยความงาม การใช้ชีวิตในสังคม เรียกได้ว่า ในทุกๆ มิติของการใช้ชีวิตเลยทีเดียว
“คนเราป่วย ไม่ใช่ว่าจะต้องมีแต่เรื่องความป่วย มันมีหลายๆ อย่างเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิต ที่นี่คนไม่ป่วยก็มาคุยได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฮอร์โมน ปรึกษาเรื่องชีวิตคู่ก็คุยได้ คือคนที่มาจะสามารถคุยได้มากกว่าเรื่องโรคที่เป็น เราจะให้คำปรึกษาทุกเรื่อง เช่น เรื่องการใช้ชีวิตระหว่างคู่บวกกับลบทำอย่างไร หรือว่าการดูแลสุขภาพด้านอื่นๆ แม้แต่คนไข้ HIV หลายๆ คนมาถามเราว่า เขาอยากฉีดโบท็อกซ์ ทำยังไง ถ้าไปทำที่อื่นเขาจะตรวจเลือดไหม ซึ่งในส่วนของเรา หมอของที่นี่สามารถทำได้ เราก็รับทำ คนไข้ HIV ก็อยากสวย อีกอย่างคนป่วยเขาก็อยากดูแลตัวเอง ถ้าเขาสวย ดูดีขึ้น สุขภาพร่างกายแข็งแรง สังคมก็จะมองว่าเขาไม่ใช่คนป่วย เขาก็อยู่ได้อย่างมีความสุข
“ความจริงแล้วตลอดเวลาที่เราอยู่กับคนไข้ เรื่องการรักษาโรคจะแค่ 20% ที่เหลือคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เป็นสตอรี่ของคนไข้ทั้งหมด จริงๆ การดูแลโรค ณ วันหนึ่งถ้าดูแลได้ มันก็จะจบ ที่เหลือเป็นไลฟ์สไตล์ที่เป็นเรื่องระยะยาวมากกว่า เวลาตรวจเราก็จะดูว่า เขาทานยาสม่ำเสมอไหม สุขภาพโอเคไหม ผลเลือดเป็นอย่างไร แต่ส่วนใหญ่จะพูดคุยว่าชีวิตเป็นอย่างไร เช่น ไม่กล้ามีแฟนเพราะติดเชื้อ HIV หรืออยากจะคบกับคนนั้น จะบอกเขายังไง บอกไปแล้วจะทิ้งผมหรือเปล่า ควรจะบอกใครได้บ้าง หรือยังอยู่ในวัยเรียน ผมจะบอกพ่อแม่ยังไง ผมต้องย้ายออกจากบ้านไหม เราเหมือนเขามีที่ให้เขาได้พูดคุย
“เรื่องสุขภาพองค์รวมยังสำคัญนะ ปัจจุบันนี้ตรวจผลเจอก็เข้าถึงยาได้ทันที คุณก็จะไม่เจอเรื่องการเจ็บป่วยทางกาย พอกายได้แล้ว ถ้าเขาได้เจอที่ปรึกษาดีๆ เจอหมอดีๆ ใจเขาก็จะโอเค พร้อมคืนสู่สังคม พอเขาคืนสู่สังคมได้ปุ๊บ เขาก้าวข้ามความเจ็บปวดต่างๆ ได้ เขาก็จะได้จิตวิญญาณคือ ได้ทำอะไรเพื่อสังคม เป็นอาสาสมัคร เป็นจิตอาสา ซึ่งในส่วนนี้หลายๆ ภาคส่วนยังเล่นไม่ถึง ที่สำคัญด้วยความเป็นมืออาชีพของบุคลากรของแต่ละคน และประสบการณ์ที่ยาวนาน เคสของที่นี่แต่ละคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เราก็จะดูแลเขาไปตลอด”
การทำงานร่วมกันระหว่าง glove clinic และ AHF Thailand
การจะทำงานในด้านการป้องกันและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้น ไม่สามารถทำเพียงคนเดียวได้ แต่ต้องมีพันธมิตรที่ดีและมีแนวคิดเดียวกัน AHF Thailand คือองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีเป้าหมายสำคัญคือการยุติการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ รวมถึงส่งเสริมการตรวจหาการติดเชื้อ และส่งต่อเพื่อเข้าถึงการดูแลรักษา ซึ่งจริงๆ แล้ว AHF Thailand มีโครงการอยากทำคลินิกสำหรับทุกคนอยู่แล้ว แต่เมื่อได้มีโอกาสพูดคุยกับทาง glove แล้วพบว่า เรามีเป้าหมายและหัวใจในการทำงานแบบเดียวกัน เลยหันมาสนับสนุนด้านการทำงานแทนด้วยการสนับสนุนเรื่องชุดตรวจ HIV และมีการร่วมมือกันต่างๆ อีกมากมาย
สิ่งที่ glove clinic เน้นมากคือ เรื่องความเป็นมิตร การบริการ การให้คำปรึกษา ซึ่ง AHF Thailand เองก็รู้สึกว่า เรื่องสุขภาพ ไม่ใช่แค่การเข้ามาตรวจ รับยา แล้วจบไป แต่สิ่งที่ได้ต่อจากนั้นคือผู้รับบริการมีที่ให้คำปรึกษาได้ และได้รับความอบอุ่นในหัวใจกลับไป และนี่คือหัวใจที่ทำให้ glove clinic และ AHF Thailand ได้กลายมาเป็นพันธมิตรกันนั่นเอง
glove clinic อาคาร L building ชั้น 2 (BTS ราชเทวี ออกทางประตู 1 ติดโรงแรมเอเชีย) เวลาทำการ 11.00 – 20.00 น. โทร. 02-219-3092, 092-414-9254 E-mail : [email protected] Facebook: https://www.facebook.com/gloveclinic/ https://www.gloveclinic.com/